วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง



          เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะในห้องทรงบรรยายที่มีผู้ฟัง ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นักธุรกิจ ศิลปิน ไปจนถึงแขกผู้มีเกียรติจากหลายวงการ ตลอดระยะเวลากว่า 40 นาทีที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยายภาพถ่ายฝีพระหัตถ์พระราชทานแก่ผู้เฝ้าฯ รับเสด็จ ในโอกาสเสด็จ ไปทรงเปิดนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ "ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง" ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครจัดแสดงภาพฝีพระหัตถ์จำนวน 187 ภาพ จากจำนวนภาพนับพันๆ ภาพที่ทรงบันทึกไว้ในโอกาสต่าง ๆ ในช่วงปี 2551-2552

          ความน่าสนใจของนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ครั้งนี้ หาใช่เทคนิคการถ่ายภาพชั้นสูง หากอยู่ที่การบันทึกด้วยกล้องถ่ายภาพธรรมดาแต่มีมุมมองได้อย่างน่าสนใจ หลายภาพเป็นการถ่ายแบบฉับพลันแต่ถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างมีชีวิตชีวา รวมถึงพระอารมณ์ขันในการทรงมองเห็นความน่าสนใจของสิ่งต้างๆ ในหลายคนอาจมองผ่าน
          เช่นเดียวกับชื่อนิทรรศการ "ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง" ที่แฝงไว้ด้วยคติแง่คิดในการดำเนินชีวิต ดังเช่นที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงเล่าว่า มาจากคำพูดสอนอยู่ในนิทานพม่าเรื่องหนึ่งที่อาจารย์สอนลูกศิษย์นำไปใช้ประสบความสำเร็จในชีวิต
          ความหมายทางรูปธรรม คือ ถ้าเดินไปเรื่อยๆ ไม่หยุดเดี๋ยวก็ถึง ในทางนามธรรมหมายความว่า หากมีจุดมุ่งหมายอะไรแล้วไม่ย่อท้อพยายามต่อไปย่อมต้องไปถึงจุดมุ่งหมายที่ปรารถนาจนได้ ถ้าเป็นภาษิตคือความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น แต่ยังมีอีกคำว่า พึงรู้จักประมาณตน ถ้าอยู่อย่างนี้แต่อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ โนเบลคงเป็นไปไม่ได้ สู้ไปพยายามบางอย่างที่คำนวณแล้วเห็นว่าตัวเองทำได้ก็จะได้ไปถึงจุดหมายเล็กๆ จะมีประโยชน์มากกว่ามุ่งไปสู่จุดหมายที่ยิ่งใหญ่ที่เป็นไปไม่ได้ทำให้เสียเวลาเสียประโยชน์ที่จะทำอะไรที่ดีๆ
          ก่อนจะทรงบรรยายภาพถ่ายฝีพระหัตถ์บางส่วน อาทิ ภาพ "ดาวตก" ทรงเล่าด้วยพระอารมณ์ขันว่า "อันนี้เป็นรูปที่บังเอิญถ่ายท้องฟ้าแล้วมีดาวตกลงมา ไม่ได้ตั้งใจอีกเหมือนกัน...เมื่อวานเอาหนังสือภาพไปถวายในหลวงทอดพระเนตร ทอดพระเนตรทุกรูปแลสงสัยว่า รูปที่ถ่ายเนี่ย กดไปเรื่อย ไม่ได้คิดอะไรนักหนา หรือว่ามีการวางแผน ได้กราบบังทูลว่า กดไปเรื่อยเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็วางแผนเล็กน้อย...รูปที่ถ่ายไม่มีการตกแต่งภาพอาจจะมีครอปภาพบ้าง เอาความบังเอิญเป็นตัวช่วย"
          อีกภาพที่ทรงชอบถ่าย ถือ ภาพก้อนเมฆซึ่งมีทั้งภาพก้อนเมฆที่ถ่ายจากเครื่องบินรับสั่งว่า ไปไหนๆ จะถ่ายภาพเมฆจาก สมัยก่อนตอนเด็กๆ เรียนหนังสือชั้นประถมมัธยมต้นจะเรียนเรื่องเมฆต่างๆ มีชื่อต่างๆ นานา เมฆแต่ละอย่างมีคุณสมบัติต่างๆ กันการเกิดของเมฆแต่ละชนิดก็ต่างกันด้วย เป็นคติเหมือนกันว่า มนุษย์เรามองเห็นเมฆก็ปั้นเรื่องไปต่างๆ นานว่าเมฆนี้เหมือนภูเขาเหมือนอะไรต่ออะไร
          ภาพถ่ายชุดพิธีเปิดโอลิมปิกที่ประเทศจีน อาทิ ภาพโลกสีเขียว โลกสีแดง โลกสีเหลือง ทรงบรรยายว่าให้แง่คิดหลายๆ อย่างว่าโลกเปลี่ยนสี ภาพ "มนุษย์หลอดไฟ" ในพิธีเปิดโอลิมปิกที่ยิ่งใหญ่อลังการสื่อถึงความเจริญรุ่งเรืองของจีน
          ภาพ "หุ่นกาสร" ซึ่งเป็นรูปปั้นควายทรงเล่าว่าเมื่อครั้งเสร็จไปเปิด ร.ร.กาสรกสิวิทย์ จ.สระแก้ว ตั้งใจอยากจะขี่ควาย เพราะไม่เคยขี่ ใครๆ บอกว่าสนุกมาก แต่คนแรกที่ขึ้นก่อน คือ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ขึ้นทางตกลงมาอีกทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเลยห้ามขึ้นเด็ดขาด เลขอให้ทำควายเทียมแล้วขึ้นขี่ไป ภาพ "กล้วยลูกนี้จองแล้ว" ที่ทรงพบโดยบังเอิญขณะเสด็จๆ ไปทรงงานที่สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
          นอกจากนี้ ยังมีภาพสิ่งมีชีวิตและสัตว์ต่างๆ ที่สมเด็จพระเด็จพระเทพฯ ทรงบันทึกไว้ไม่น้อย อาทิ ภาพคุณพระเศวตฯ ข้างต้นประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอายุ 57-58 ปีแล้ว เป็นช้างเชือกแรกในรัชกาล ตอนนี้อยู่ที่หัวหิน ตอนที่สถาปนาฯ มีประวัติเล่าลือกันว่า คุณพระเศวตฯ จะหันไปถวายบังคมพระเจ้าอยู่หัวโดยไม่ต้องมีคนบอก
          ภาพสัตว์ต่างๆ ในวังสระปทุม อาทิ ภาพกาสองตัว ทรงเล่าว่าในวังสระปทุมมีกามากแต่ไม่เยอะเท่าสวนจิตรลดา ภาพ "แมว" ซึ่งมีอยู่หลายภาพในนิทรรศการครั้งนี้ ทรงเล่าว่า ที่วังสระปทุมใครๆ เรียกแมวว่าเป็นพลเมืองชั้นสอง เพราะส่วนใหญ่หากินเอง อยู่เอง ไม่มีใครเลี้ยงดูเป็นพิเศษ ครั้งหนึ่งเคยมีแมวสวยเหมือนแมววิเชียรมาศมาอยู่ทรงนึกอยากส่งเข้าประกวดที่มหาวิทยาลัยเกษตรอยู่เหมือนกัน แต่ไล่จับไม่ได้          ภาพเหล่านี้เป็นภาพตอนเดินไปรอบๆ วังสระปทุม ซึ่งเดินไปรอบบ้านตัวเอง เดินซ้ำทางเดียวมา 9 ปีแล้วก็ยังเห็นอะไรใหม่ๆ เจอสิ่งที่ยังไม่เคยเจอได้อยู่เรื่อย
          ในวันนั้น สมเด็จพระเทพฯ ยังทรงจำหน่ายหนังสือภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ "ถ้าเดินเรื่อนไปย่อมถึงปลายทาง" แก่ผู้ที่มาร่วมงานซึ่งจัดทำขึ้นเป็นที่ระลึกในราคาเล่มละ 900 บาท โอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์จากนิทรรศการจำนวน 25 ภาพ แก่สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อประมูลรายได้สนับสนุนสมาคมฯ โดยจะการจัดงานประมูลในวันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม 2552 ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี
          นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ "ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง" เปิดให้เข้าชมแล้วตั้งแต่วันนี้-วันที่ 31 มกราคม 2553 เวลา 10.00-21.00 น. (หยุดวันจันทร์) ณ ชั้น 9 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก