วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

"รอฟ วอน บูเรน" การเดินทางของนักธุรกิจศิลป์


          เรื่อง: ดุลยปวีณ กรณฑ์แสง
          เกือบ 30 ปีมาแล้วที่แบรนด์“โลตัส อาร์ต เดอร์ วิฟว์” (Lotus Arts de Vivre) เป็นที่รู้จัก กว้างขวางในลูกค้ากระเป๋าหนักที่โปรดปรานดีไซน์เครื่องประดับและของแต่งบ้านไม่เหมือนใคร

          จากร้านแรกที่โรงแรมรีเจนท์ (ปัจจุบันคือโฟร์ซีซั่นส์)..การออกเดินทางของแบรนด์ที่เริ่มต้นจากธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัวฝรั่งหัวใจไทย จนโด่งดังระดับอินเตอร์ นำพาให้ ‘รอฟ วอน บูเรน’ พบปะคลุกคลีกับแวดวงสังคมชั้นสูงมากมาย ทั้งในระดับราชวงศ์ เศรษฐี นักธุรกิจ ดาราฮอลลีวู้ด ศิลปิน ฯลฯ
          ความเป็นนักเดินทางของรอฟกับการเดินทางของโลตัส อาร์ต เดอร์ วิฟว์ ผสานกับเป็นความสำเร็จของธุรกิจกับศิลปะโดยมีลูกชายทั้ง 2 คน ศรีและนิกคลาส วอน บูเรน ช่วยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสานต่อธุรกิจ
          “เมื่อ 30 ปีก่อนแนวคิดเรื่องแบรนด์ยังมีน้อย แต่เราตั้งใจตั้งแต่แรกที่จะสร้างแบรนด์ในตอนนั้น เมื่อเราไม่ได้ทำสินค้าแมส แต่ทำสินค้าดีไซน์ สินค้าที่มีแค่ชิ้นเดียว โดยหลักการเราไม่ใช้การโฆษณา แต่ใช้รูปแบบการจัดเอ็กซิบิชั่น จัดเลี้ยงและชวนเพื่อนๆ ชวนลูกค้ามาสังสรรค์กัน           การเดินทางก็เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์ของเรา มุมที่สอง..การเดินทาง คือ การที่เราได้ออกไปดูทั่วโลกว่ามีอะไรขึ้น อะไรคือแฟชั่นใหม่ อะไรคือแบรนด์ใหม่ รสนิยมของผู้คนเปลี่ยนไปอย่างไร และมุมที่สามคือการได้ออกไปเจอผู้ซื้อ ผู้ขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสริมความรู้ ความเข้าใจโลกเข้าใจตลาดของเรา”
          รอฟเป็นชาวเยอรมัน เดินทางเข้ามาอยู่เมืองไทยครั้งแรกทำงานเป็นผู้บริหารบริษัทด้านเคมีภัณฑ์ที่เข้ามาขยายกิจการในไทย
          ผ่านมาถึงวันนี้ 49 ปีมาแล้วที่เขาตกหลุมรักเมืองไทย อาหารไทย รวมไปถึงภรรยาลูกครึ่งเชื้อสายไทย “เฮเลน วอน บูเรน” ที่แต่งงานสร้างครอบครัวและธุรกิจร่วมกันที่กรุงเทพฯ  
          ความเป็นคนเฟรนด์ลี่เข้าสังคมเก่งทำให้รอฟมีเพื่อนเยอะ ทั้งเพื่อนในเมืองไทยและต่างประเทศ กัลยาณมิตรคนหนึ่งที่เขาไม่เคยลืม คือ ม.จ.สนิท รังสิต
          “ท่านสนิทเป็นคนเก่ง และน่ารัก กว้างขวางในแวดวงสังคม บางทีมีเพื่อนดังๆ จากเมืองนอกก็มาจัดเลี้ยงกันที่บ้านท่าน บางทีก็มาเลี้ยงกันที่บ้านเรา...เมื่อ 30 ปีก่อนที่กรุงเทพฯยังเป็นกรุงเทพฯแบบเก่า ยังไม่มีตึกสูง ๆ เมืองไทยเป็นจุดหมายที่ฮิตจริงๆ ของคนต่างชาติที่อยากจะมาเห็นมาสัมผัสวิถีชีวิต”          การสังสรรค์และงานเลี้ยงกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของรอฟ และแบรนด์โลตัส อาร์ต เดอร์ วิฟว์ เขามีทั้งเพื่อนที่เป็นลูกค้าและลูกค้าที่สนิทสนมกันจนเป็นเพื่อน โดยมีรสนิยมและไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นรสนิยมด้านศิลปะ และอาหารรสเลิศ ทำหน้าที่เป็นทูตสันถวไมตรี
          ท่ามกลางบรรยากาศเสพศิลป์กินดื่มอย่างสุนทรีย์ ในรูปแบบ Exclusive Party เฉพาะกลุ่มเพื่อนสนิท ลูกค้าวีไอพี มาร่วมสังสรรค์อย่างเป็นกันเองครั้งและ 30-50 คน
          ตัวอย่างเช่นงานค็อกเทลปาร์ตี้ต้นปีที่ผ่านมาในคอนเซปต์แบบ Art Show ท่ามกลางบรรยากาศจัดแสดงผลงานภาพวาดจากศิลปินต่างประเทศ และเครื่องประดับในแบบของโลตัสฯ โดยมีเชฟจากอิตาลีบินมาปรุงอาหาร และเสิร์ฟไวน์รสเลิศ ภายในแวร์เฮาส์ที่ปรับปรุงตกแต่งให้เป็นอาร์ตแกลอรี 
          "ลูกค้าหลายคนเป็นเพื่อนผม เรากินข้าวด้วยกัน เขาก็ไปเมืองนอกกลับมาเล่า เราก็ไปเมืองนอกกลับมาเล่า แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เดือนหนึ่งเราจัดงานประมาณ 2-3 ครั้ง บางครั้งก็เชิญเลี้ยงกันที่บ้าน"          รอฟ บอกว่า การนั่งคุยกับเพื่อนดีๆ ที่ถูกคอ กินข้าวด้วยกันในบรรยากาศดีๆ หัวเราะมากๆ เป็นศิลปะการใช้ชีวิตที่เขาโปรดปราน เช่นเดียวกับการทำสวนอยู่กับบ้าน การลิ้มรสอาหารดีๆ อาหารไทยอร่อยๆ และการเดินทางท่องโลกกับเพื่อนฝูง
          20 ปีก่อนเขาเคยปีนเขาที่หิมาลัยกับถวัลย์ ดัชนี และเพื่อนคนไทยอีกหลายคน เป็นทริปที่ประทับใจมาก ปีหน้านักเดินทางวัย 71 ปีเลยวางแผนไว้ว่าจะกลับไปที่นั่นอีกครั้งพร้อมหลานวัยรุ่น
          รอฟเดินทางบ่อย การเดินทางและธรรมชาติเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการทำงาน โดยเฉพาะไอเดียการใช้วัสดุแปลกๆ จากธรรมชาติที่คาดไม่ถึงในเครื่องประดับและของแต่งบ้านแต่ละชิ้น
          ความพิเศษของผลงานบางชิ้นไม่เพียงมีชิ้นเดียวในโลก หรือใช้เวลาผลิตแรมปี แต่ยังมีเบื้องหลังเรื่องราวแรงบันดาลใจที่ครอบครัววอน บูเรน เดินทางรอนแรมเสาะหาวัสดุธรรมชาติตามที่ต่างๆ ทั่วโลก
          อย่างเช่นเรื่องราวของผลงานชิ้นเอกอย่าง “พระพิฆเนศ” จากรากไม้สักอายุเก่าแก่นับร้อยปีสูงถึง 2.30 เมตร หลังจากเดินทางไปค้นพบไม้ชิ้นนี้ที่บาหลี ภาพดีไซน์พระพิฆเนศปรากฏขึ้นในใจของเขาทันที ใช้เวลาทำ 11 เดือนระดมช่างฝีมือ 15 คนกว่าจะสร้างสรรค์งานไม้ประกอบด้วยเงินแท้ออกมางดงามสมใจ
          นอกจากนี้ยังมีรากไม้มะฮอกกานีที่นำมาสร้างสรรค์เป็น “นกอินทรียักษ์” ที่แผ่ปีกกว้างถึง 7.7 เมตร โต๊ะสระบัวขนาดใหญ่ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งด้วยหนังปลากระเบน โต๊ะเก้าอี้ไม้สไตล์จีนโบราณ คอลเลคชั่นเครื่องประดับจากปีกแมลงทับ อาทิ กระเป๋านกแก้ว,กำไลงูสองหัวทำจากปีกแมลงทับประดับอัญมณีหลากสี ฯลฯ
          นอกจากมุมมอง รสนิยมและไอเดียแล้วการเป็นนักเล่าเรื่องที่คุยสนุกและเป็นมิตรยังเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นของรอฟที่ทำให้เขาเข้าไปนั่งในใจของลูกค้าหลายต่อหลายคน           รอฟ เล่าว่า สมัยแรกๆ ที่เริ่มต้นธุรกิจในเมืองไทย ลูกค้าส่วนใหญ่ยังเป็นชาวต่างชาติ ส่วนลูกค้าคนไทยจะเป็นกลุ่มที่เรียนจบเมืองนอก คุ้นเคยกับวัฒนธรรมตะวันตก และชื่นชอบศิลปะงานดีไซน์
          ปัจจุบันลูกค้าไทยกับต่างประเทศสัดส่วนมีพอๆ กัน หลายคนเป็นลูกค้าประจำที่เหนียวแน่นและบางคนชื่นชอบถึงขนาดตามสะสมผลงานแบบเป็นคอลเลคชั่น  สำหรับรอฟแล้วนิยามถึงคำว่า Luxury ในมุมมองของเขา บางอย่างไม่จำเป็นต้องแพงมหาศาลเสมอไป แต่เป็นสิ่งที่ช่วยปรับปรุงชีวิต ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น เป็นความพิถีพิถันในการใช้ชีวิต
          “Luxury คือ ทำให้มีอารมณ์ดีๆ อารมณ์ขันมากขึ้น” เจ้าของโลตัส อาร์ต เดอร์ วิฟว์ บอกเช่นนั้น--จบ--

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก