วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ล้วนชาย ว่องวานิช คำตอบชีวิต...ผู้ชายเจ้าอารมณ์

My Way: ล้วนชาย ว่องวานิช คำตอบชีวิต...ผู้ชายเจ้าอารมณ์
          เรื่อง ...ดุลยปวีณ กรณฑ์แสง 
          10 ปีมาแล้วที่ ล้วนชาย ว่องวานิช ทายาทรุ่นที่ 4 ห้างขายยาอังกฤษตรางู หันหลังให้กับชีวิตสุดโต่ง เริ่มต้นนับหนึ่งดูแลตัวเองควบคู่กับการบุกเบิกธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมจีรัง รีสอร์ทแอนด์สปา

          ชายหนุ่มที่เคยอารมณ์หุนหันพลันแล่น ใช้ชีวิตแบบรอวันระเบิด ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่..คลี่คลายความทุกข์จากโรคตับและหัวใจที่คุกคาม ในที่สุดจึงเรียนรู้ว่า ชีวิตจะดีได้ต้องจัดการ อารมณ์ ให้ได้ก่อน
          ถ้าอารมณ์ดี สภาพของจิตจะดีตาม ร่างกายก็จะดีตาม ด้านจิตวิญญาณก็พัฒนาต่อได้ อารมณ์และความเครียดเป็นตัวบั่นทอนให้ร่างกายและจิตใจทรุดโทรม ความเครียดทำให้ภูมิต้านทานลดลง ตามมาด้วยโรคภัยไข้เจ็บ อารมณ์ที่ไม่ดียังกระทบต่อปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ทำให้ก้าวต่อไปสู่การพัฒนาจิตวิญญาณ เช่น การปฏิบัติสมาธิ ทำได้ยาก           ล้วนชายเป็นคนหนึ่งที่เคยต่อสู้มรสุมวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่ปี 2540 ถึงแม้จะฝ่าฟันปัญหามาได้ แต่อีกด้านหนึ่งคือต้นทุนชีวิตที่ขาดทุนย่อยยับ จากความเครียด ความกดดันทางจิตใจ
          ความทุกข์ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเป็นเหมือนสึนามิทางอารมณ์ที่โถมเข้าใส่ รางวัลที่ผมได้รับจากการแก้วิกฤติธุรกิจสำเร็จ คือ ความเจ็บป่วยทางกาย เกิดเป็นทุกข์ซ้อนทุกข์
          วิกฤติความป่วยไข้ด้วยโรคภัยขณะวัยไม่ถึง 40 ทำให้พยายามหาทางออกชีวิต เริ่มจากปรับสมดุลวิถีการกิน-อยู่ให้เหมาะสมตามธาตุ ผสมผสานกับการทำสมาธิ ฝึกโยคะ ฝึกลมปราณบู๊ตึ๊ง หลายปีผ่านไปสุขภาพกายใจดีขึ้นเป็นลำดับ           ก่อนจะพบจุดเปลี่ยนอีกครั้งที่ทำให้สามารถดูแลตัวเองไปอีกขั้น คือ การล้างพิษทางอารมณ์ หรือ Emotion Detox เมื่อ 2 ปีก่อน
          สมัยหนุ่มผมเป็นคนอารมณ์ร้อนสุดๆ นิสัยอารมณ์ร้อนเป็นจริตที่ติดตัวแต่ไหนแต่ไร ผมเป็นคนธาตุไฟ เกิดวันเสาร์ ราศีสิงห์ ยิ่งเจอปัญหาชีวิต ก็ยิ่งเพิ่มความพลังมุ่งมั่น เพิ่มความดุดัน จนกระทั่งไฟเหล่านี้โหมทำลายชีวิตตัวเองจนพัง
          ถึงแม้คุณพ่อจะปลูกฝังการฝึกสมาธิมาตั้งแต่อายุ 12 แต่เอาเข้าจริงเวลามีสถานการณ์กระทบใจก็มักจะหลุดทุกที เวลาทำสมาธิ อารมณ์จะดี สุกใส สงบ แต่พอลืมตากลับสู่ชีวิตประจำวัน มันหลุดทุกที หลุดทีไรก็จะระเบิดใส่คนรอบข้าง เป็นสิ่งที่ผมรำคาญใจมาหลายสิบปี ทำไมนิสัยแบบนี้ถึงแก้ไม่หาย           หารู้ไม่ว่าเพราะจิตใต้สำนึกของคนเราไม่ต่างจากส้วมอารมณ์ที่เก็บอารมณ์ขุ่นมัวมากมาย เมื่อไหร่ที่ส้วมเต็ม ถ้าเราเอาสเปรย์ไปฉีดดับกลิ่น เดี๋ยวเดียวมันก็เหม็นอีก แต่ถ้าเรารู้จักวิธีสูบออก อารมณ์เหล่านี้จะค่อยๆ บรรเทาลง
          ล้วนชาย เล่าว่า หลักของการดีท็อกซ์อารมณ์ คือ การสร้างให้เกิดพลังลมปราณ หรือที่ฝรั่งเรียกว่า bioelectric energy หรืออินเดีย เรียกพลังปราณ จีนเรียกชี่
          พลังลมปราณเป็นพลังธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในโลกนี้และในร่างกายคนเรา การสร้างพลังลมปราณที่มากขึ้นและลมปราณที่หมุนเร็วขึ้นแรงขึ้น นอกจากจะสามารถดีท็อกซ์อารมณ์ที่คั่งค้างในจิตใต้สำนึกออกไปแล้ว ยังช่วยดีท็อกซ์สิ่งที่เป็นพิษสะสมออกจากเซลล์ร่างกาย           ผมได้เรียนรู้แนวทางปฏิบัติจากคำแนะนำของพ่อครูบัญชา ตั้งชัยวงศ์ เมื่อ 2 ปีที่แล้วระหว่างที่บวชปฏิบัติธรรมที่เชียงใหม่ จากอารมณ์ที่เคยเป็นเหมือนระเบิด เริ่มกลายเป็นแค่ประทัด จนกระทั่งเดี๋ยวนี้กลายเป็นแค่กระเทียม ไม่ได้หลุดแล้วระเบิดแรงเหมือนแต่ก่อน
          ล่าสุด ล้วนชายยังสานต่อธุรกิจในอุดมคติไปอีกขั้น ต่อยอดจากรีสอร์ทและสปาเพื่อสุขภาพ จีรัง เฮลท์วิลเลจ สู่หมู่บ้านสุขภาพแบบองค์รวมในชื่อ จีรัง เรสซิเดนซ์ บนพื้นที่ 75 ไร่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พร้อมถอดประสบการณ์วิธีดูแลตัวเองด้วยการดีท็อกซ์อารมณ์ สู่ผลงานเขียนเล่มแรก           คุณพ่อผมรักเชียงใหม่มาก เดินทางขึ้นไปบ่อยๆ จนที่นั่นเป็นเหมือนบ้านที่สองของครอบครัวเรา ที่ดินที่ผืนนี้คุณพ่อซื้อไว้นานแล้วตั้งแต่เมื่อ 40 ปีก่อน จนเมื่อผมป่วยจึงหันมาทำธุรกิจด้านสุขภาพเต็มตัว พัฒนาที่ดินตรงนี้ให้เป็นเฮลท์วิลเลจตามความตั้งใจของคุณพ่อ เริ่มจากรีสอร์ทเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งมิติกาย มิติอารมณ์ และมิติจิตวิญญาณ ถึงจุดๆ หนึ่งเริ่มมีคนสนใจว่าอยากมาพักอยู่ด้วยกันนานๆ เลยตัดสินใจขยายต่อเป็นหมู่บ้านสุขภาพ 50 หลังชวนคนที่อยากดูแลสุขภาพมาอยู่ด้วยกัน
          คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานอายุ 40 เมื่อประสบความสำเร็จในชีวิตถึงจุดจุดหนึ่ง สิ่งที่มาพร้อมกับฐานะเงินทองคือสภาวะความเครียดที่สูงมาก จนหลายคนมีปัญหาสุขภาพตามมา           ล้วนชายมองว่าคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่มีพลังในสังคมที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับองค์กรขยายสู่ระดับสังคม ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกของการเริ่มต้นธุรกิจอุดมคติในแบบ White Ocean หรือธุรกิจน่านน้ำสีขาว เป็นทุนนิยมแบบมีจิตสำนึก ไม่ได้มุ่งเน้นแสวงกำไรสูงสุด แต่เน้นที่ประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตนเอง สังคม โดยที่องค์กรธุรกิจยังดำเนินไปได้
          การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม จำเป็นต้องมีทั้งสถานที่ การบริการและการดูแลที่มีคุณภาพ การจะทำอย่างนี้ได้ต้องใช้วิธีการแบบการทำธุรกิจเข้ามาจับ ผมเลยเริ่มต้นจากกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงระดับองค์กร เมื่อองค์กรเปลี่ยน สังคมจึงจะเปลี่ยนตาม ล้วนชายเล่าถึงเป้าหมายชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังการเจ็บป่วย
          สมัยก่อนเป้าหมายอย่างเดียวของผม คือ ความสำเร็จเรื่องงาน ต้องมีบริษัทเยอะ ๆ แล้วก็มีกำไรเยอะ ๆ ยอดขายเยอะๆ แต่ปัจจุบันผมยึดถือเดินตามแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านเศรษฐกิจพอเพียง และการทำธุรกิจสไตล์น่านน้ำสีขาว ทำประโยชน์ให้กับตัวเราและทำประโยชน์ให้กับสังคมด้วย
          ผ่านมา 10 ปี โมเดลธุรกิจในอุดมคติในเครือจีรังของล้วนชาย เดินมาไกลหลายก้าว ขยับขยายจากธุรกิจหลักรีสอร์ทสุขภาพแบบองค์รวม จีรังเฮลท์วิลเลจ ที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ และจีรังคลินิก และบิวตี้สปาที่กรุงเทพ รวมถึงโปรดักท์ด้านสปาซึ่งเน้นคอนเซปต์สปาธาตุ 4 ในอนาคตยังมีแผนขยายสู่การทำอะคาเดมีหรือสถาบันฝึกอบรมดูแลสุขภาพแบบองค์รวมควบคู่กับหมู่บ้านสุขภาพ
          อีกด้านหนึ่งคือการขับเคลื่อนงานด้านสังคมผ่าน มูลนิธิรัศมีแห่งธรรม จัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้ด้านการฝึกจิตและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานให้แก่ผู้สนใจโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเป็นประจำทุกเดือน โดยเน้นการเผยแพร่การปฏิบัติธรรมโดยแนะนำหลักสูตรที่เหมาะสมกับจริต 6 ของแต่ละบุคคลที่ต่างกัน เช่น บางคนมีจริตเป็นคนคิดมาก ต้องปฏิบัติไปในแนวทางที่ใช้ความคิดหรือการดูจิต เป็นต้น ส่วนคนที่มีความอัดอั้นทางอารมณ์อาจต้องเริ่มต้นฝึกล้างพิษอารมณ์เสียก่อน           ชีวิตในวันนี้ของล้วนชายยังคง Work Hard แต่ Work Smart ด้วย โดยจะไม่ใช้เวลาสิ้นเปลืองไปกับอารมณ์ ความคิด ความกังวล เมื่อกลับถึงบ้านก็ต้องปล่อยวาง วินัยที่เขานำมาใช้ในชีวิตประจำวัน คือ ตื่นเช้ามาอันดับแรกต้องดื่มน้ำประมาณ 1 ลิตรเพื่อช่วยกระตุ้นการขับถ่าย หลังจากนั้นจึงเริ่มกระบวนการสร้างพลังลมปราณแบบบู๊ตึ๊ง ตามมาด้วยการฝึกโยคะในท่าไหว้พระอาทิตย์ จากนั้นคือการทำดีท็อกซ์อารมณ์ที่คั่งค้างในจิตใต้สำนึกออกมา ส่วนการดูแลเรื่องอาหาร ยึดหลักการกินอาหารเช้าให้เหมือนพระราชา อาหารกลางวันแบบเจ้าชาย และอาหารเย็นแบบยาจก เน้นการรับประทานผักผลไม้ ขณะที่ดำเนินชีวิตตลอดวันโดยใช้สติเข้ามากำกับ ป้องกันอารมณ์ขุ่นหมองเข้ามาปั่นป่วนจิตใต้สำนึก
          ผ่านมาถึงวันนี้ ล้วนชาย บอกว่า คงไม่กล้าบอกว่าหายขาดจากอาการเจ็บป่วยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พูดได้ว่าอาการดีขึ้นมาก สามารถอยู่ร่วมกับโรคภัยได้อย่างแฮปปี้ไม่กระทบกับชีวิตประจำวัน           คำจุดพอดีหรือทางสายกลางของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นต้องหาความพอดีของตัวเองให้เจอว่าเราเป็นใคร เรามีปัญหาอะไร และอะไรที่ดีและเหมาะสำหรับเรา แล้วจึงผสมผสานสิ่งดีๆ เข้ามาสู่ชีวิตของเราในสัดส่วนที่เหมาะสม ทำแล้วชีวิตเปลี่ยนแปลงไหม กายดีขึ้นไหม ใจเป็นอย่างไร อารมณ์เป็นอย่างไร สติปัญญาเกิดหรือไม่ ถ้าใช่แสดงว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ถูกต้องแล้วจึงค่อยๆ พัฒนาต่อไป ล้วนชายให้คำแนะนำ--จบ--
          ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

ป้ายกำกับ: ,

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก