วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คอลัมน์: Smart Work: วางกรรไกร..ขยับปาก‘บาร์เบอร์’รุ่นเก๋า

คอลัมน์: Smart Work: วางกรรไกร..ขยับปาก‘บาร์เบอร์’รุ่นเก๋า

          เรื่อง: ดุลยปวีณ กรณฑ์แสง
          ภาพ: ธนาชัย ประมาณพาณิชย์ 
          จับกรรไกร ไถปัตตาเลี่ยนเสริมหล่อให้คุณผู้ชายดูดีมา 45 ปี ถ้าไม่ใช่เพราะใจรักจริงๆคงไม่ยืนหยัดในอาชีพมายาวนานขนาดนี้            ถึงแม้อายุจะล่วงเลยวัยเกษียณมาแล้วหลายปี  แต่ช่างรุ่นเก๋าฝีมือดี สวัสดิ์ ละอาด ยังไม่มีทีท่าจะแขวนกรรไกรง่ายๆ เพราะความผูกพันกับลูกค้าที่กลายเป็นมิตรภาพในร้านตัดผม

          บริการที่ดูคลาสสิกและจริงใจ ในร้านบาร์เบอร์บรรยากาศแมนๆ กับช่างตัดผมผู้พิถีพิถันคอยเล็งทุกองศาเหลี่ยมมุมให้ทรงผมลูกค้าออกมาเนี้ยบไร้ที่ติ บริการเสริมบนเก้าอี้ไฟฟ้าที่ปรับเอนนอนได้ เพลินและเคลิ้มตั้งแต่โกนหนวดยันนวด พร้อมทำความสะอาดหูเสร็จสรรพ คือ เสน่ห์ของร้านบาร์เบอร์ที่คุ้นเคยซึ่งนับวันหาได้ยากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองหรือห้างหรู
          ปัจจุบัน ช่างสวัสดิ์เป็นช่างตัดผมมือดีประจำร้าน Blue Harbour ร้านตัดผมคุณผู้ชายสุดเนี้ยบ บนชั้น 2 เค-วิลเลจ สุขุมวิท 26 ที่มี นิธิ สถาปิตานนท์ สถาปนิกศิลปินแห่งชาติ เป็นเจ้าของ ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เป็นช่างตัดผมและลูกค้าที่รู้จักกันมา 30 กว่าปี ตัดผมด้วยกันมาตั้งแต่หนุ่มๆ จนกลายเป็นความผูกพันระหว่างลูกค้ากับช่างผมซึ่งก้าวพ้นวัยเกษียณทั้งคู่           ช่างสวัสดิ์เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นอาชีพช่างตัดผมเมื่อ 45 ปีที่แล้ว เริ่มจับกรรไกรตั้งแต่อายุ 20 จากเดิมเคยเป็นหนุ่มชาวประมงรอนแรมไปทั่วตามปักษ์ใต้ เคยใช้บริการร้านตัดผมตามเมืองท่าต่างๆ จนมองเห็นลู่ทางว่าช่างตัดผมเป็นอาชีพที่น่าสนใจ เพราะทำให้คนดูดีดูหล่อขึ้น ต่อมาโชคชะตานำพาให้เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ตามคำชักชวนของเพื่อน เริ่มจากซอยกรรไกรอยู่แถวประตูน้ำ ก่อนจะย้ายมาตัดผมในโรงแรมย่านสุขุมวิท
          "ตอนอยู่โรงแรมก็คลุกคลีกับฝรั่ง สมัยนั้นมีโรงแรมมรกต เดี๋ยวนี้เลิกไปหมดแล้ว สมัยนั้นเป็นโรงแรมที่ทหารอเมริกันมาพักช่วงสงครามเวียดนาม ลูกค้าฝรั่งจะค่อนข้างเยอะ จากนั้นมีพรรคพวกมาเปิดร้านที่สุขุมวิทชื่อ ร้านสตาร์บาร์เบอร์ เยื้องๆ สถานทูตฟิลิปปินส์ ยุคนั้นโด่งดังมากและเป็นร้านที่สวยที่สุดในย่านสุขุมวิท ก่อนจะย้ายมาประจำที่ร้านโทนี่ บาร์เบอร์ ที่โด่งดังในสุขุมวิทเหมือนกัน"           รายได้ของช่างตัดผมในร้านบาร์เบอร์ย่านสุขุมวิทในยุคนั้นนับว่าไม่น้อย เทียบกับร้านทั่วไปที่ตัดผมหัวละ 5 บาท แต่ถ้าตัดลูกค้าฝรั่งที่สุขุมวิทราคาจะอยู่ที่ 120 บาท แต่รวมบริการเสริมหลายอย่าง
          นอกจากลูกค้าชาวต่างชาติแล้ว ร้านบาร์เบอร์ในย่านสุขุมวิทยังเป็นย่านที่มีลูกค้าระดับ เศรษฐี นักธุรกิจในเมืองไทยมาใช้บริการ ลูกค้าหลายคนยังผูกพันกันมายาวนาน เช่น ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ที่เป็นลูกค้าตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษา จนกระทั่งถึงปัจจุบันยังตามไปตัดผมให้ที่บ้านซึ่งทำเป็นห้องตัดผมโดยเฉพาะ
          "จะทำอาชีพอะไรก็แล้วแต่ ผมยึดหลักว่าต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เวลาตัดผมให้ลูกค้า ผมจะตั้งใจทำให้ลูกค้าดูดีที่สุด ทำด้วยความประณีตที่สุด เวลาทำให้ลูกค้าดูดีแล้วเราก็จิตใจสบาย รู้สึกมีความสุข อันนี้เป็นความมุ่งหวังในอาชีพของเรา สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกเหนือจากฝีมือ คือ ความสะอาดในร้านตัดผมที่ต้องใส่ใจเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ ยังมีเรื่องอัธยาศัย ความเป็นกันเองกับลูกค้าที่สำคัญ เพราะงานของเราคือการบริการ 
          ลูกค้าที่คุ้นเคยกัน จะมีหัวข้อสนทนาพูดคุยทั้งเรื่องการเมือง เรื่องธุรกิจ คนเป็นช่างก็ต้องคุยกับลูกค้าได้ ผมเองก็ต้องอ่านติดตามข่าวสารบ้านเมืองตลอด เรื่องอะไรเราต้องเรียนรู้หมด" ช่างสวัสดิ์เล่า
           ตัดผมมา 45 ปี องค์ความรู้จากในห้องเรียนยังไม่เท่ากับประสบการณ์จริงที่สั่งสมมาตลอดในเส้นทางอาชีพ ต้องพร้อมที่จะปรับตัวเรียนรู้ตลอดเวลา สมัยก่อนแฟชั่นทรงผมผู้ชายไม่ค่อยหวือหวาเท่าไร จะเป็นตัดทรงทั่วๆ ไป เช่น รากไทร จอนหนา รองทรง อเมริกัน สกินเฮด ยุคก่อนอาจจะหล่อแบบมิตร ชัยบัญชา, สมบัติ เมทะนี, ไพโรจน์ ใจสิงห์ แต่ยุคนี้ก็คงต้องเทรนด์เกาหลี ทรงวัยรุ่นพวกนี้ช่างที่ทันยุคสมัยจะต้องทำได้ด้วย
          "เวลานี้มีลูกค้าอายุตั้งแต่ 80 กว่า จนกระทั่งเด็กสิบขวบ ตัดให้รุ่นปู่ รุ่นพ่อ ยันรุ่นหลาน ลูกค้าคนหนึ่งใช้เวลาตัดประมาณหนึ่งชั่วโมง ตัด สระ แคะหู บางคนก็ย้อมผมบ้างถ้าสูงอายุ ส่วนใหญ่ถ้าลูกค้าจะติดใจก็คงเป็นเรื่องฝีมือการตัด ความเนี้ยบ พิถีพิถันมากกว่า ช่างแต่ละคนก็ต้องมีเทคนิค ลูกค้าเข้ามานั่งปั๊บ เราต้องดูแล้วศีรษะอย่างนี้ต้องซอยอย่างนี้ให้เข้ากับหน้าตา ไม่ใช่ตัดโดยที่ไม่ได้มองเลยว่ารูปหน้าเป็นแบบไหน           หลักของผมเวลาตัดต้องมองดูกระจกตลอดว่าใบหน้าลูกค้าออกมาดูดี ไม่ใช่เรามองแต่ศีรษะอย่างเดียว อันนั้นหมายถึงตัดตามที่เรียนมา แต่ถ้าจะให้ลูกค้าดูดีเราต้องหมั่นมองกระจกว่าหน้าตาเขาต้องดูดี เป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง”
          ช่างสวัสดิ์เล่าว่า ความสำเร็จในอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ทำให้มีรายได้เลี้ยงลูกๆ ทั้ง 4 คนจนเรียนจบการศึกษา มีทั้งเรียนจบระดับด็อกเตอร์ บางคนเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง ตอนนี้เรื่องฐานะเงินทองไม่ได้เดือดร้อนอะไร จริงๆลูกๆก็อยากให้วางมือไปพักผ่อน แต่ยังมีความสุขอยู่ เลยคิดว่าอยากจะตัดผมอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังมีกำลัง--จบ--

ป้ายกำกับ:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก