วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ยิ้มผ่านมรสุม วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ



          กว่าจะโล่งใจยิ้มได้อย่างวันนี้ บางบทบางตอนของละครชีวิตจริง วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ เคยทั้งยิ้มสู้ ยิ้มทั้งน้ำตา ผ่าน 2 มรสุมอันหนักหน่วงทั้งในฐานะทายาทสี TOA และคุณพ่อของลูกชายแฝดสี่ที่มีครอบครัวเป็นเดิมพัน

          ความรู้สึกตอนนั้นที่ยืนอยู่หน้าแบงก์ ถ้าเปิดประตูบานนี้เข้าไปแล้วผมชนะออกมา เราอยู่รอดได้อีกวัน แต่ถ้าแพ้ออกมาหมายถึงเราเสียทั้งหมด เสียบริษัท แม้กระทั่งบ้านก็อาจไม่มีที่จะอยู่ ต้องหาเงินทั้งหมดมาใช้หนี้ ทายาทคนโตของ ประจักษ์-ละออ ตั้งคารวคุณ เจ้าของอาณาจักรสี TOA จำได้ไม่เคยลืมถึงเหตุการณ์ช่วงชีวิตหนักๆ เมื่อ 14 ปีก่อนสมัยวิกฤติลอยตัวค่าเงินบาทปี 2540 ยุคที่หลายธุรกิจต้องสูญเสียความเป็นเจ้าของ ถูกเทคโอเว่อร์ ปิดตำนานเจ้าสัวเยสเตอร์เดย์
          วนรัชต์ เล่าว่า ยุคนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนช่วงรอยต่อที่เจเนเรชั่นรุ่นลูกหลายคนต้องเข้ามารับช่วงต่อธุรกิจเร็วขึ้น ท่ามกลางสภาพหมดแรง หมดใจของบรรดานักธุรกิจรุ่นพ่อที่เคยสร้างเนื้อสร้างตัวจากศูนย์ เมื่อต้องมาเห็นความสำเร็จที่ลงแรงมาทั้งชีวิตล้มครืนต่อหน้าต่อตา           ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ผมเรียนต่ออยู่ที่อเมริกา คุณแม่โทรไปตามบอกว่ากลับมาจัดการหน่อย
          มูลหนี้ 2 หมื่นล้าน รั้งอันดับลูกหนี้รายใหญ่ระดับประเทศ ความหวังของครอบครั พนักงานอีกหลายชีวิต ธุรกิจทั้งหมดในเครือ เป็นภาระอันหนักอึ้งที่ทายาทหนุ่มวัย 20 ต้นๆ ต้องแบกไว้บนบ่า ทันทีที่กลับมาเมืองไทย
          ตอนนั้นผมเดินยิ้มทั้งวันเพื่อให้พนักงานเห็นว่าเรายังไหว และให้ครอบครัวสบายใจว่าเรารับได้ แต่ถึงจะยิ้มยังไงทันทีที่นั่งลงตะคริวกิน กลางคืนนอนตะคริวก็กินจนแทบจะชัก เพราะแบกรับความเครียดไว้ทั้งหมด
          ผมนอนร้องไห้ ไม่ใช่เพราะกลัวเจ๊ง แต่เพราะเราไม่มีเงินเดือนจะจ่าย จากพนักงาน 2 พันกว่าคนจำเป็นต้องลดเหลือพันกว่าคน แม้แต่พนักงานฝ่ายบุคคลยังขอลาออกเพราะแบกรับไม่ไหวที่ต้องขอให้คนลาออก ผมบอกไม่เป็นไรผมจัดการเอง แต่ในใจนอนน้ำตาไหลอยู่หลายวัน           ช่วงนั้นหลายธุรกิจถึงผ่านจะพ้นวิกฤติมาได้ แต่ก็ต้องสูญเสียความเป็นเจ้าของ แต่สำหรับทีโอเอ ยังคงรักษาความเป็นเจ้าของธุรกิจของตระกูลตั้งคารวคุณไว้ได้เหนียวแน่น 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นความภูมิใจของคนหนุ่มที่ต้องวิ่งรอกเจรจากับแบงก์เจ้าหนี้หลายราย
          กว่าจะพ้นมาได้เขาเล่าสั้นๆว่า ยิ่งกว่าเลือดตาแทบกระเด็น โดยได้รับโอกาสจากแบงก์ไทยพาณิชย์ช่วยต่อสายป่านธุรกิจ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการประนอมหนี้ ค่อยๆจัดการสางปัญหา จนฝ่าพ้นมรสุม กลับมาแข็งแกร่งเป็นธุรกิจที่มีรายได้หมื่นล้านได้ถึงวันนี้ เพราะหัวใจไม่ยอมแพ้ และกำลังใจที่ให้กับตัวเอง           จบจากมรสุมธุรกิจ ชีวิตที่เคยคิดว่าจะลงตัวหายเหนื่อย กลับมีมรสุมลูกใหม่เข้ามาท้าทาย ในบทบาทความเป็นพ่อและสามี เมื่อภรรยา พญ. ปิยะชนก ตั้งท้องลูกชายแฝด 4 ภูริ-ภีม-ภาม-ภัทร ตั้งคารวคุณ ซึ่งไม่ได้เกิดจากทำกิ๊ฟ แต่เพราะครอบครัวฝ่ายภรรยามีพันธุกรรมฝาแฝดเยอะ
          ตอนแรกแค่รู้ว่าเป็นแฝด 3 ก็อึ้งแล้ว ภรรยาผมตกใจมากเพราะเขาเป็นหมอ รู้ดีถึงความเสี่ยง ต้องตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร มารู้อีกทีหลังว่าแฝด 4 ก็ไม่ทันแล้ว ต้องสู้อย่างเดียว
          2 ปีแรกแทบจะไม่ได้ทำงานเลย เลี้ยงลูกอย่างเดียว เพราะฝาแฝดแต่ละคนตัวเกิดมาตัวนิดเดียว คนเล็กที่สุด 800 กรัม คนโตที่สุดน้ำหนัก 1 กิโล หัวอกพ่อรู้ดีว่าความเสี่ยงคืออะไร ทุกวันเขาต้องนอนบนพื้น เพื่อเฝ้าลูก 4 คนบนเตียง ดูแลการให้นมให้อาหารที่ต้องชั่งตวงวัดเองทุกมื้อ เพราะไม่กล้าไว้ใจคนอื่น คอยกระตุ้นพัฒนาการลูกน้อย จน 2 ปีผ่านไปถึงจะโล่งอกเมื่อคุณหมอรับรองว่าเด็กๆทุกคนแข็งแรงปลอดภัย           ปลายปีนี้แฝด 4 วัยซน ภูริ-ภีม-ภาม-ภัทร จะอายุครบ 6 ขวบแล้วเป็นขวัญใจของทุกคนในครอบครัว หลังผ่านบทชีวิตหนักๆ 2 ครั้งใหญ่ๆ ปัจจุบัน วนรัชต์เข้ามารับไม้ต่อเป็นผู้นำธุรกิจของครอบครัวเต็มตัว ควบคู่กับบทบาทประธานมูลนิธิประจักษ์ -ละออ ตั้งคารวคุณ เข้ามาช่วยคุณพ่อคุณแม่สืบทอดเจตนารมณ์และแนวคิดในการทำงานเพื่อสังคม มอบทุนช่วยเหลือและการสร้างโอกาสทางศึกษา แก่เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนตามโรงเรียนต่างๆในชนบท เริ่มตั้งแต่ปี 2550
          มูลนิธิฯนี้เริ่มจากความตั้งใจของคุณพ่อ เขาพูดเสมอว่าแผ่นดินนี้ให้โอกาสเขาทำมาหากิน เมื่อมีโอกาสก็อยากตอบแทนสังคม จริงๆเราเริ่มงานด้านสังคมตั้งแต่ 20 กว่าปีก่อน แต่ตอนนั้นยังเป็นรูปแบบบริษัท ซึ่งมีข้อจำกัดทำได้ไม่เต็มที่ สุดท้ายเราเลยคิดว่าถ้าจะทำทั้งที แทนที่จะให้ปลา สอนให้เขาหาปลาเองดีกว่า เลยหันมามามุ่งเน้นช่วยเหลือด้านการศึกษา และตั้งมูลนิธิขึ้นมา โดยตรง มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องไปแล้ว 300 กว่าทุน           ล่าสุด เจ้าของอาณาจักรธุรกิจสีหมื่นล้าน ประจักษ์-ละออ ตั้งคารวคุณ ลดบทบาทออกมาเป็นที่ปรึกษา เปิดทางให้รุ่นลูกเข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจตระกูลอย่างเต็มตัว นำโดยบุตรชายคนโต เอ-วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ รั้งบทบาทประธานกรรมการกลุ่มบริษัททีโอเอ โดยมี โอ-จตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ บุตรชายคนที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจสีทาอาคารและเคมีภัณฑ์ และบุตรชายคนที่ 3 อาร์ต-ณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจสีอุตสาหกรรมและสีรถยนต์ ส่วนบุตรสาวคนสุดท้อง อุ้มะ บุศทรี หวั่งหลี รับผิดชอบบัญชี-การเงิน และต่างประเทศ
          นอกเหนือจากธุรกิจสีแล้ว ธุรกิจในเครือของครอบครัวยังขยายสู่ธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ITOA ออโตเซลส์ เป็นดีลเลอร์รถยนต์ซูซูกิ บริษัทเชอร์วูด ทำสีทาไม้ รวมไปถึงโรงงานน้ำตาลเอราวัณที่หนองบัวลำภู
          วนรัชต์ เล่าถึงวิธีการปลูกฝังให้คลุกคลีกับธุรกิจซึ่งคุณพ่อเริ่มหล่อหลอมมาตั้งแต่เด็ก พาไปเยี่ยมลูกค้า เยี่ยมร้านค้า ให้เรียกผู้ใหญ่ทุกคนเป็นอาเจ็ก อาแปะ นับถือลูกค้าเหมือนญาติ พอโตขึ้นเข้ามหาวิทยาลัย ก็ต้องบินไปช่วยคุณพ่อหาจอยท์เวนเจอร์ธุรกิจที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่ยังเรียนปีหนึ่ง คณะบัญชี จุฬาฯ
          นั่นเป็นวีธีการสอนการทำธุรกิจที่เจ้าวงการสีสอนให้ลูกไม้ใต้ต้นซึมซับเรียนรู้เองจากประสบการณ์ทำงานจริงตั้งแต่เด็กจนโต ผ่านบททดสอบชีวิต เรียนรู้ผ่านวิกฤติและมรสุม.จนกระทั่งก้าวเข้ามาสืบทอดเป็นผู้นำธุรกิจรุ่นต่อไปของครอบครัวในที่สุด

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก