สวรรค์บ้านนา & ดินเนอร์ มื้อละ 1 ล้านดอลลาร์! ของ'รัฐวดี บัวเลิศ'
"
โดย : ดุลยปวีณ กรณฑ์แสง
1 ใน 4คนไทยที่ติดกลุ่ม 48 เศรษฐีใจบุญในเว็บฟอร์บส์ เอเชีย กับแผนปั้นปรากฎการณ์สนั่นโลกงานดินเนอร์การกุศลมื้อละ 1 ล้านดอลลาร์หรือราวๆ 32.5 ล้านบาท
เดือนที่แล้ว ชื่อของ 'รัฐวดี บัวเลิศ' เจ้าของเลอบัว โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท กลับมาดังผ่านสื่ออีกครั้งในฐานะ 1 ใน 4 เศรษฐีไทยที่ติดกลุ่ม 48 เศรษฐีใจบุญจาก 12 ประเทศแถบเอเชีย (48 Heroes of Philanthropy) โดยเว็บไซต์นิตยสารฟอร์บส์ เอเชีย และอีกไม่นานเกินรอ นักธุรกิจสาวไทยวัย 36 ปีคนนี้กำลังจะสร้างปรากฏการณ์สนั่นโลกอีกครั้งกับการจัดงานดินเนอร์การกุศลมื้อละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 32.5 ล้านบาท!
กลุ่มลูกค้าที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีฐานะมหาเศรษฐีระดับนี้ เงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับพวกเขาแล้ว แต่เป็นเรื่องของความรู้สึก และอารมณ์มากกว่า เขาต้องรู้สึกว่ามันมี "เหตุที่ดี" จนอยากจะมีส่วนร่วมทำอะไรบางอย่าง เพื่อสร้างโอกาสให้กับคนอื่นๆ ได้รู้ว่าเงินของเขาได้ช่วยเปลี่ยนชีวิตของใครให้ดีขึ้นอย่างไรบ้าง" รัฐวดี บอกเช่นนั้น
โปรเจคใหม่ที่จะสร้างความฮือฮากับอาหารมื้อละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นรูปแบบวิธีการหนึ่งที่จะดึงเครือข่ายลูกค้าระดับเศรษฐีทั่วโลก เข้ามาร่วมสนับสนุนโครงการของมูลนิธิฯในเมืองไทย ส่วนจะมีโอกาสจัดงานภายในปีนี้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมือง
ถ้ายังพอจำกันได้ โรงแรมเลอบัวเคยสร้างกระแสระดับโลกมาแล้ว กับการจัดงาน Epicurean Masters of the World กาล่าดินเนอร์การกุศลมื้อละ 1 ล้านบาท มีทั้งซีเอ็นเอ็น และสื่อต่างประเทศร่วมกันกระพือข่าวไปทั่วโลก แต่ครั้งนั้นก็มีคำถามตามมาไม่น้อยเช่นกันว่า ผลลัพธ์การกุศลที่ได้จะเข้าข่าย "ขี่ช้างจับตั๊กแตน" หรือไม่?
สาวมั่นอย่างรัฐวดี หรือ"คุณอีน" มองว่า เมื่อจะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง ต้องมีทั้งคนมองว่าดีและไม่ดี คำว่าคุ้มของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับทัศนคติจะเลือกมองด้านบวกหรือด้านลบ ตัวเราจะหวั่นไหวกับคำวิจารณ์แค่ไหน ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า มีความตั้งใจมีความบริสุทธิ์ใจที่จะทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นสังคมจริงหรือเปล่า
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วทั้งจัดงานดินเนอร์มื้อละล้าน เอาเงินไปบริจาค จัดงาน Emotional Tourism ชวนลูกค้าเศรษฐีจากทั่วโลกบินมาสัมผัสชีวิตหมู่บ้านช้างที่ จ.สุรินทร์ ยิ่งทำให้เห็นความท้าทายว่าจะหาวิธี "การให้" อย่างยั่งยืนมากขึ้นอย่างไร ไม่ใช่แค่"การให้ปลา"แต่ต้องสอนวิธีจับปลา
ฝันใหญ่ของรัฐวดีกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นจากจุดเล็กๆ บนผืนนาขนาด 40 ไร่ อ.น้ำอ่าง จ.อุตรดิตถ์ ที่ผืนนี้เคยเป็นที่นาให้เช่าสมัยคุณตาคุณยายซึ่งพื้นเพเป็นชาวอุตรดิตถ์ เลยเป็นแรงบันดาลใจว่า ถ้ามีโอกาสเป็นมือเล็กๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตใครสักคนในสังคมให้ดีขึ้น คนแรกที่นึกถึงคือ"ชาวนา"
"จำได้ตอนเด็กๆ ปิดเทอมปั๊บต้องนั่งรถไฟกลางคืนกลับไปอุตรดิตถ์ เลยซึมซับกับชีวิตแบบชนบท รู้สึกเหมือนเราเป็นลูกหลานชาวนาคนหนึ่ง วันหนึ่งพอได้ไปเติบโตเรียนหนังสือที่ต่างประเทศ ทำให้เหมือนมี 2 มุมมองอยู่ในตัวคนๆ เดียวกัน กลับมามีโอกาสสร้างธุรกิจอินเตอร์ จัดงานขายอาหารจานละเป็นล้านเป็นที่รู้จักทั่วโลกมาแล้ว มันท้าทายต่อไปว่าความรู้ความสามารถของเราจะช่วยยกระดับชีวิตชาวนากลุ่มหนึ่งขึ้นมาได้ไหม"
หลังจากตั้งท้องลูกชายคนแรก ทำให้เว้นวรรคชีวิตไปทำหน้าที่คุณแม่พักใหญ่ ปีนี้รัฐวดี พร้อมสามี (อนวัช สวิระสฤษดิ์) เตรียมกระเตงน้องโอมเพี้ยง ลูกชายตัวน้อยไปลงพื้นที่ลุยงาน มูลนิธิเถิ่ง-เชื้อ บัวเลิศ (ตั้งชื่อตามคุณตาคุณยายผู้ล่วงลับ) ที่ จ.อุตรดิตถ์อย่างจริงจัง ตั้งใจให้มูลนิธินี้เข้ามาทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวนาอย่างครบวงจร โดยเฉพาะการสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนา และให้ทุนการศึกษาลูกหลานชาวนากลับมาพัฒนาบ้านเกิด นอกจากนี้จะมีการทำศูนย์วิจัย การทำฟาร์มควาย และอนาคตอาจจะทำโรงสีข้าว และโรงไฟฟ้าจากแกลบอย่างครบวงจร
" การตั้งมูลนิธินี้ขึ้นมา ทำให้เราต้องลงแรงและลงใจเข้ามาด้วย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทำอะไรดีๆ ให้เกิดขึ้นในสังคมโดยเริ่มจากจุดเล็กๆ ได้ วันหนึ่งข้างหน้าที่นี่จะเป็นสถานที่ที่ลูกค้าได้มาเห็นว่า เราสามารถช่วยเหลือสร้างชีวิตผู้คนให้ดีขึ้นได้อย่างไร"
ด้วยเครือข่ายธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารที่มีอยู่ในเมืองไทย โรงแรมเลอบัวที่นิวซีแลนด์ รวมถึงร้านอาหารใหม่ที่กำลังจะเปิดในออสเตรเลีย ฮ่องกง สิงคโปร์ ทำให้มีเน็ตเวิร์คของลูกค้าระดับเศรษฐีอยู่ในมือ รัฐวดีจึงอยากใช้โอกาสเหล่านี้เป็น"ตัวกลาง"ทำหน้าที่เหมือนทูตที่เชื่อมโลกคนสองกลุ่มที่เหมือนอยู่กันคนละโลกให้มาพบกัน โดยมีผืนนาที่อุตรดิตถ์เป็นศูนย์กลาง...พลิกวิถีชีวิตบ้านนาให้เป็น"สวรรค์น้อยๆ"แห่งใหม่
-----------------------
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
" เป็นคนที่ทำอะไรก็ทำเต็มที่ โฟกัสชีวิตอยู่กับปัจจุบัน เวลาอยู่กับลูกก็เต็มที่กับลูก เดี๋ยวนี้เดินทางไปทำงาน ก็จะเอาลูกไปด้วยไปกันทั้งครอบครัว " อีน-รัฐวดี เล่าถึงการบริหารชีวิตซึ่งต้องเป็นทั้งผู้บริหาร และคุณแม่ของน้องโอมเพี้ยง ลูกชายวัย 1 ขวบ 4 เดือน หลานคนแรกที่ทั้งรักทั้งหลงกันทั้งบ้าน โดยเฉพาะคุณแม่-ราศี บัวเลิศ ที่ตั้งชื่อหลานว่าน้องโอมเพี้ยงเพราะจะได้เสกทุกอย่างให้ยาย รัฐวดีเล่าหัวเราะอารมณ์ดี
แม้ช่วงที่ผ่านมา คุณแม่ของเธอจะต้องเผชิญมรสุมข่าวที่ถาโถมมากมาย ตั้งแต่ข่าวโดนฟ้องล้มละลาย ดีเอสไอกล่าวหาในคดียักยอกทรัพย์และตกแต่งบัญชีกู้เงินแบงก์กรุงไทย ไม่ว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร รัฐวดี เชื่อว่าวันหนึ่งความจริงย่อมคือความจริง พร้อมเล่าว่า "คุณแม่กำลังใจดีมากค่ะ แข็งแกร่ง"
11ปีที่แล้ว ตอนรัฐวดีเรียนจบก้าวมาทำงานครั้งแรก ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ถือว่าธุรกิจประสบมรสุมวิกฤติอย่างหนัก ถึงแม้ตึกสเตททาวเวอร์ สีลม ซึ่งบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.) เป็นเจ้าหนี้ยังมีปัญหาฟื้นฟูกิจการไม่จบสิ้น พร้อมมูลหนี้นับหมื่นล้านบาทที่ต้องสะสาง แต่หลักคิดของเธอ คือ ยึดหลักเสมอว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด
" วันนี้เราเป็นคนบริหารตึกนี้ เรามีความสามารถในการใช้หนี้เท่านี้ๆ นะ สิ่งที่โกหกกันไม่ได้คือผลงาน เรามีความตั้งใจ ไม่ได้มีอะไรซ่อนเร้น ปัจจุบันทรัพย์สินยังเป็นของเราอยู่ แต่ติดจำนองกับ บสก. บางครั้งที่สถานการณ์ในประเทศมีปัญหา แน่นอนย่อมส่งผลกระทบถึงธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม แต่เราก็สู้ และไม่ได้หนีไปไหน"
รัฐวดี วางแผนไว้ในใจว่า วันหนึ่งถ้าทำธุรกิจประสบความสำเร็จแล้ว มีเงินมากพอแล้ว เคลียร์ปัญหาหนี้ทุกอย่างได้เรียบร้อยแล้ว เธอก็อยากเกษียณตัวเองตอนอายุ 45 แล้วไปทำงานช่วยเหลือชาวนาที่มูลนิธิฯแบบเต็มเวลา
"ข้าขอลิขิตชีวิตข้าเอง ไม่เกรงดินฟ้า.." รัฐวดี ทำเสียงประกอบเล่าถึงเพลงเย้ยฟ้าท้าดินที่คุณแม่ชอบร้องเพลงนี้ พูดเสมอว่า ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ คุณแม่เป็นคนมองโลกในแง่ดี แล้วก็สู้ไม่ถอย อีนคิดว่าสิ่งนี้อีนได้มาจากคุณแม่เหมือนกัน
---------------------------------
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก