วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มนต์รักจักรยาน..เปลี่ยนกรุงเทพฯ นลลนีย์ อึ้งวิวัฒน์กุล

                     คนหนึ่งคนจะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองจักรยานได้ไหม? คำถามนี้ไม่สำคัญเท่ากับถ้าไม่มีใครเริ่มทำ คงไม่มีทางเริ่มต้น           อย่างน้อยวันนี้ฝันของสาวนักปั่นอย่าง แนน-นลลนีย์ อึ้งวิวัฒน์กุล ก็ไม่ได้ย่ำอยู่ที่ศูนย์ แต่ก้าวมาไกลหลายก้าวและกำลังก้าวต่อไปเรื่อยๆ

          จากแรงบันดาลใจเล็กๆ ของมือใหม่หัดปั่นจักรยานแม่บ้านออกเที่ยวทริปแรกที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งกับสมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพ เริ่มต้นเรียนรู้วิธีปั่นจักรยานตามท้องถนนกับสิงห์นักปั่น จนหัดขี่จักรยานถนนใหญ่จนคล่อง มั่นใจที่จะปั่นจักรยานไปทำงานทุกวันมา 3 ปีแล้ว
          "จากที่ไม่เคยมีประสบการณ์เลยปั่นไปตลาดบางน้ำผึ้งครั้งแรก มีเพื่อนในกลุ่มคอยเทคแคร์อย่างดี เริ่มสนุกกับจักรยานอยากปั่นมากกว่าสัปดาห์ละครั้งทุกวันอาทิตย์ เลยรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ โซนเดียวกันแถวสามย่าน สี่พระยา ไปปั่นด้วยกันเป็นกลุ่ม จามจุรีสแควร์" ช่วงแรกๆ มีสมาชิกถึง 50 คน
          หลังจากกลุ่มจามจุรีแข็งแรงแล้วเลยแยกไปสร้างนักปั่นกลุ่มใหม่ คอฟฟี่ไบค์ ที่โซนพระราม 3 เลิกงานแล้วชวนมาปั่นด้วยกัน กลุ่มนี้นัดเจอกันทุกพุธกับศุกร์ที่โลตัสพระราม 3 ปกติรวมกันทีไม่น้อยกว่า 30 คน"
          ความรักความชอบจักรยานของแนนไม่ได้หยุดแค่นั้น เพราะเธอยังอยากให้คนอื่นๆ มาปั่นด้วย อยากทำให้ผู้คนเห็นว่าสามารถขับขี่จักรยานไปไหนก็ได้ในชีวิตประจำวัน อยากทำให้กรุงเทพฯเป็นเมืองจักรยานได้จริงๆ ขึ้นสักวัน
          ความหวังความฝันอาจไม่เป็นจริงถ้าไม่ลงมือทำ ถึงวันนี้หลายๆ โปรเจคเรื่องจักรยานที่ผ่านมา ทำให้ใครๆ เริ่มยอมรับลูกบ้าของสาวนักรณรงค์การปั่นคนนี้มากขึ้น
          โดยเฉพาะวีรกรรมการรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ นักปั่นจามจุรีทำธุรกิจบริการจัดส่งเอกสารด้วยจักรยานเพื่อสังคม Bike Xenger ที่เธอได้แรงบันดาลใจในหนังเรื่อง The Messenger
          โปรเจคนี้เริ่มต้นจากคิดว่าจะทำยังไงให้สังคมโดยเฉพาะสื่อหันมาสนใจเรื่องจักรยาน หลังจากก่อนนั้นเคยทำกิจกรรมรณรงค์กับสมาคมจักรยาน รวมตัวจักรยาน 200 คันปั่นไปทอดกฐิน แต่ก็ไม่ได้การตอบรับเท่าที่ควร ทำให้คิดว่าต้องทำโครงการแปลกใหม่ที่สร้างความสนใจให้การปั่นจักรยานเป็นความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา กลายเป็นที่มาของ Bike Xenger ซึ่งได้รับการตอบรับจากสื่อตามคาด พร้อมๆ กับการส่งโครงการเข้าประกวดแผนธุรกิจเพื่อสังคมกับหน่วยงานต่างๆ จนเจ้าตัวยืดอกการันตีได้อย่างภูมิใจว่า การปั่นจักรยานส่งเอกสารทำเป็นธุรกิจได้จริงๆ ไม่ใช่แค่เล่นๆ สร้างกระแส
          ตอนนี้ธุรกิจของ Bike Xenger ไม่เพียงสามารถปลุกกระแสความสนใจได้การยอมรับมากขึ้นมีลูกค้าสนใจใช้บริการประจำทุกวัน จนต้องมีเพื่อนในกลุ่มอาสาเสียสละลาออกจากงานมาดูแลเต็มตัว
          ล่าสุด อีกหนึ่งโปรเจคจักรยานเพื่อสังคมสดๆ ร้อนๆ คือ กิจกรรม Bike in A Day ที่ร่วมกับโหน่ง-วงศ์ทนง ชัยรณรงค์สิงห์ พี่ใหญ่นิตยสาร A day ฉายภาพยนตร์แรงบันดาลใจสร้างจากการ์ตูนดังในตำนาน Shakariki สิงห์นักปั่น โดยเจ้านายที่ โรสมีเดีย ใจดีให้ฉายฟรีไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ ร่วมด้วยช่วยกันเพื่อหารายได้เข้ากองทุนบุญ Bikeโครงการจักรยานเพื่อเด็กในชนบทที่ขาดแคลน โดยวันฉายรอบแรกมีบรรดาสิงห์นักปั่นพร้อมใจแสดงพลังเอาจักรยานเข้ามาดูกันเต็มทุกที่นั่งที่โรงหนังสกาล่าค่ำวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา
          "เคยมีหลายๆ คนบอกกับแนนว่า กรุงเทพฯเป็นเมืองจักรยาน ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก แทนที่จะคิดอย่างนั้นทำไมไม่ลองเปลี่ยนความคิดแล้วหาทางทำให้มันเป็นไปได้ แนนเชื่อว่ามันเป็นไปได้ และเป็นไปได้เยอะแล้วด้วยจากสิ่งที่พวกเราช่วยกันรณรงค์ มีการสอนปั่นจักรยานทำให้คนหันมาขี่จักรยานไปทำงานแล้วเป็นร้อยๆ คน มีกลุ่มนักปั่นต่างๆ ที่ขยายตัวออกไปอีกหลายกลุ่ม
          ถ้าภาครัฐเข้ามาให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง แนนคิดว่ามีคนที่พร้อมและอยากปั่นจักรยานเยอะมาก เอาแค่ที่สวนรถไฟวันเสาร์อาทิตย์จะเห็นเลยว่าร้านจักรยานให้เช่าทุกร้านมีคนมาเช่าเยอะมากแค่ไหน ถ้ามีสถานที่เอื้ออำนวยให้ปั่นจักรยานได้ปลอดภัย เชื่อว่าจะมีคนให้ความสนใจปั่นจักรยานมากขึ้น"
          แนน บอกว่า ตั้งแต่เปลี่ยนชีวิตตัวเองจากนั่งรถมาปั่นจักรยาน สิ่งที่ได้รับไม่ใช่แค่ความรื่นรมย์ที่ได้ปั่นจักรยานไปที่ต่างๆ
          แต่จักรยานยังเป็นเหมือน "วีซ่า" ที่เปิดโอกาสให้เธอได้ออกไปสัมผัสโลกกว้าง นำทางให้ได้พบเจอรู้จักกับผู้คนมากมาย ได้เรียนรู้วิถีชีวิตในชุมชนต่างๆ ประสบการณ์เหล่านี้หาไม่ได้จากหนังสือ อินเทอร์เน็ต หรือการไปเที่ยวศูนย์การค้า
          "จักรยานทำให้แนนได้พบกับผู้คนมากมายและสัมผัสกับชีวิตมากขึ้น มันทำให้เราแคร์สังคมมากขึ้น ลดความเห็นแก่ตัวให้น้อยลง จนทำให้อยากรณรงค์เรื่องการขี่จักรยานในเมืองไทยจริงๆ จังๆ"
          กางแผนที่ความฝันใหญ่ๆ ระยะยาวที่เธอร่างไว้ในใจ คือ อยากปั่นด้วยใจไปให้ถึงกับความฝันออกเดินทางรอบโลกด้วยการปั่นจักรยาน 10 ปีพร้อมๆเพื่อนนักปั่น เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการจักรยานเพื่อสังคมไปทั่วโลก ถ้าเห็นแววตาที่มุ่งมั่นเป็นประกายของเธอแล้ว จะรู้ว่าสาวคนนี้ไม่ได้ฝันแค่เล่นๆ
          คุยกันวันนั้น แนน บอกว่า ครั้งหนึ่งเธอเคยปั่นจักรยานขึ้นพิชิตยอดเขาที่สังขละบุรี เคยปั่นจักรยานจากสิงคโปร์ข้ามไปมาเลเซีย 10 วัน 1,500 กิโลเมตร ทั้งที่ใครๆ บอกว่ายากเย็นเกินกว่าที่ผู้หญิงอย่างเธอจะพิชิตได้
          "ถ้าใจมันไปถึงแล้วเสียอย่าง ขอแค่ตั้งเป้าหมายไว้ ที่เหลือเราแค่หาทางเดินไป เดี๋ยวมันก็จะไปถึง อะไรก็เป็นไปได้ ถ้าเราเชื่อและรักที่จะทำในสิ่งนั้น" สาวนักปั่นเชื่ออย่างนั้น--จบ--

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก